วันที่ 11 เมษายน 2566 นายอายุตม์สินธพพันธุ์อธิบดีกรมราชทัณฑ์พร้อมด้วยนายณรงค์จุ้ยเส่ยรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ฝ่ายปฏิบัติการ และคณะรับมอบอุปกรณ์และเครื่องมือด้านความปลอดภัยของผู้ต้องขังที่ออกทำงานภายนอกเรือนจำประกอบด้วยหมวกนิรภัย400 ใบถุงมือแบบผ้า400 คู่แว่นตานิรภัย400 อันชุดเอี๊ยมลงน้ำ80 ชุดชุดเข็มขัดนิรภัย80 ชุดชุดตรวจแก๊สพิษ6 เครื่องและอุปกรณ์เปิดท่อ3 ขา6 ตัวรวมมูลค่า546,192 บาทเพื่อการส่งเสริมพัฒนาการทำงานผู้ต้องขังนอกเรือนจำให้ได้รับความปลอดภัยจาการทำงาน สอดคล้องตามหลักสิทธิมนุษยชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากผู้บริหารสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ณบริเวณหน้าอาคารกรมราชทัณฑ์
นายอายุตม์สินธพพันธุ์อธิบดีกรมราชทัณฑ์เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ ได้คำนึงถึงความปลอดภัยในการออกปฏิบัติงานภายนอกเรือนจำของผู้ต้องขังและประชาชนทั่วไปอย่างเคร่งครัดซึ่งกรมราชทัณฑ์เองได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอกหรือประชาชนทั่วไป ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย การส่งเสริมพัฒนาการทำงานผู้ต้องขังนอกเรือนจำ และกำลังใจจากประชาชนทั่วไปมาโดยตลอด โดยอุปกรณ์และเครื่องมือด้านความปลอดภัยดังกล่าวจะดำเนินการแจกจ่ายไปตามเรือนจำหรือทัณฑสถานต่างๆ ตามความจำเป็นและความเหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและตรงกับวัตถุประสงค์ของผู้มอบต่อไป
นายอายุตม์สินธพพันธ์ุอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์มีการนำผู้ต้องขังออกงานสาธารณะประโยชน์ เช่นการลอกท่ออยู่เป็นประจำ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมในการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขังคืนคนดี สู่สังคม โดยประชาชนทุกท่านสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้โอกาสผู้ต้องขังได้ง่ายเพียงปฎิบัติตามนโยบาย “7 ห้าม 3 ให้สร้างความปลอดภัยห่วงใยการทำงาน”ของกรมราชทัณฑ์ ที่ว่าด้วย การ 1.ห้ามให้สุราหรือของมึนเมา 2.ห้ามให้ยาเสพติด 3.ห้ามให้เงินตรา 4.ห้ามให้ใช้เครื่องมือสื่อสาร 5.ห้ามให้อาวุธหรือสิ่งของที่สามารถก่อเหตุร้าย 6.ห้ามใช้ยานพาหนะและ 7.ห้ามพูดคุยในลักษณะแจ้งข่าวร้ายหรือสร้างความปั่นป่วนในการทำงานและ “3 อย่างที่สามารถให้ได้”คือ 1.ให้กำลังใจ 2.ให้โอกาสและ 3.ให้การยอมรับ.