นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ มอบหมายผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เป็นคณะผู้แทนกรมราชทัณฑ์ไทย จำนวน 6 คน ประกอบด้วย 1) นางสุนันทา คงพากเพียร ผู้อำนวยการทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง 2) นางรัศมี สุวรรณหงษ์ ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา 3) นางสาวสาธิกา สามศรี ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดระนอง 4) นายธนบูรณ์ จันทรมาลัย ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาผู้ต้องขัง เรือนจำจังหวัดนนทบุรี 5) นางสาวพรรณอร กิจพิทักษ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานสวัสดิการและสงเคราะห์ผู้ต้องขัง กองพัฒนาพฤตินิสัย 6) นายเมธวิน ลิ้มตระกูล เจ้าหน้าที่กลุ่มงานราชทัณฑ์ต่างประเทศ กองทัณฑวิทยา เดินทางไปศึกษาดูงานและเยี่ยมชมกิจการเรือนจำ บ้านกึ่งวิถี และศูนย์การพัฒนาพฤตินิสัย และแนวทางการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้พ้นโทษ ณ เมืองวาลดอสตา มลรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 19 – 31 สิงหาคม 2568

โดยเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ในช่วงเช้า คณะผู้แทนกรมราชทัณฑ์ไทยได้เข้าศึกษาดูงานและเยี่ยมชมกิจการ “House of Hope” ซึ่งเป็นบ้านกึ่งวิถีสำหรับบำบัดฟื้นฟูผู้หญิงที่ติดสุราเรื้อรัง สารเสพติด ถูกกระทำความรุนแรง และถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยมีการดูแลผู้เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูตั้งแต่กระบวนการตรวจเช็คประวัติสุขภาพ การตั้งครรภ์ เด็กติดมารดา การรักษาพยาบาล การสนับสนุนที่พักอาศัยและอาหารตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่เข้ารับการบำบัดฟื้นฟู

สำหรับในช่วงบ่าย คณะผู้แทนกรมราชทัณฑ์ไทยเข้าร่วมการนำเสนอและหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลนโยบายการบริหารงานราชทัณฑ์และการบริหารงานเรือนจำกับสมาชิกและชุมชนเครือข่ายของ First Baptist Church ซึ่งคณะผู้แทนกรมราชทัณฑ์ไทยได้นำเสนอวีดิทัศน์และแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการควบคุม การพัฒนาพฤตินิสัย การฝึกวิชาชีพ การส่งเสริมทักษะและความเชี่ยวชาญตามความถนัดและความสนใจของผู้ต้องขัง การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัว และการติดตามให้ความช่วยเหลือภายหลังพ้นโทษของทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา เรือนจำจังหวัดระนอง เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และภาพรวมเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ ซึ่งสมาชิกและชุมชนเครือข่ายของ First Baptist Church ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ได้ร่วมตั้งคำถามและแลกเปลี่ยนแนวทางบริหารเรือนจำและการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังระหว่างประเทศไทยกับประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสมาชิกส่วนใหญ่ประทับใจกับการบริหารงานเรือนจำและการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังของประเทศไทยเป็นอย่างมาก และได้กล่าวขื่นชมว่าเป็นการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่เคารพคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาพฤตินิสัยตามความถนัดและความสนใจ เพื่อให้ผู้ต้องขังรู้สึกถึงการมีคุณค่าในตัวเอง รู้จุดแข็งของตัวเอง และสามารถประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงดูตนเองได้ภายหลังพ้นโทษ อีกทั้งยังมีมูลนิธิบ้านพระพรที่ทำงานใกล้ชิดกับเรือนจำและทัณฑสถาน ที่คอยสนับสนุนดูแลเด็กติดผู้ต้องขัง และสนับสนุนวิทยากรเข้าฝึกอบรมผู้ต้องขัง รวมทั้งที่พักอาศัยและการส่งเสริมอาชีพให้แก่ผู้พ้นโทษ