วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 น. พลตำรวจโท รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม พันตำรวจโท ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยนายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ร่วมแถลงข่าวการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และพบว่า มีการกระทำผิดและสิ่งของต้องห้าม นำไปสู่การโยกย้ายผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ณ บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
พลตำรวจโท รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางเข้าลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ กรณีการพบการกระทำผิดภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
โดยพันตำรวจโท ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นเวลา 1 เดือน ได้ทราบข่าวเกี่ยวกับการกระทำผิดโดยมิชอบด้วยกฎหมายและระเบียบ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และทำการดำเนินการจู่โจมตรวจค้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งในวันเกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. พบเจ้าหน้าที่เรือนจำอยู่ในจุดเกิดเหตุ และพบหญิงสาวชาวจีน 2 คน อยู่สองต่อสองกับผู้ต้องขังในห้อง ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงไว้เพื่อรับรองผู้บังคับบัญชา ซึ่งภายในห้องรับรองมีโต๊ะ โซฟา ตู้เย็น แต่ไม่มีเตียงนอน โดยหญิงสาวชาวจีนทั้งสองคนปฏิเสธว่าไม่ได้มีการขายบริการทางเพศ เบื้องต้นพบกล่องถุงยางอนามัย สารคัดหลั่งที่กระดาษทิชชู่ ร่องรอยคล้ายคราบอสุจิ ซึ่งอยู่ระหว่างการส่งไปตรวจสอบยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ยาเส้น สุรา ในส่วนของกล้องวงจรปิด ถูกลบภาพ แต่สามารถกู้คืนได้บางส่วน ซึ่งเป็นภาพของหญิงสาวชาวจีนที่เดินเข้ามาภายในเรือนจำ และพบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดนี้เกือบ 20 คน ตั้งแต่ผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้อำนวยการส่วน และเจ้าหน้าที่ระดับล่างลงมา โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ร่วมข้องเกี่ยวกับการใช้บริการทางเพศ เบื้องต้นได้ทำการย้ายผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าวแล้วจำนวน 3-4 ราย อีกประมาณ 10 กว่าคน ยังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จะดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนทางวินัยต่อไป
พันตำรวจโท ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นหัวหน้าหน่วยงานนี้ ตนมุ่งหวังที่จะเคลียร์บ้านให้สะอาด สิ่งใดที่ไม่ถูกต้องตนก็จะจัดการเอง ด้วยตนเอง และก็จะรายงานผู้บังคับบัญชาให้ทราบทุกขั้นตอน เพราะฉะนั้น ก็ต้องบอกว่าข้าราชการส่วนใหญ่ยังเป็นคนที่มีระเบียบวินัยรักษากฎหมายรักษาระเบียบอยู่ มีเพียงบางส่วนเองเท่านั้นเองที่อาจจะมีพฤติการณ์แบบนี้ซึ่งเราก็ต้องเคลียร์บ้านเราให้สะอาด กรมราชทัณฑ์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามที่จะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นให้เป็นมาตรฐานตามกฎหมายและตามระเบียบที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้”
โดยกรมราชทัณฑ์ พร้อมที่จะดำเนินการให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส และยังคงปฏิบัติงานให้เป็นไปตามระเบียบ และตามกฎหมายที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อไป

